![](https://www.greenpett.com/wp-content/uploads/2024/02/4-จุดคัน-โรคขี้เรื้อนแห้ง-1024x1024.webp)
สุนัขที่ป่วยด้วยโรคขี้เรื้อนแห้งจะคันและเกาอย่างรุนแรง ยิ่งคันก็ยิ่งเกา ยิ่งเกาผิวหนังก็ยิ่งแดงอักเสบลอก ขนหลุดร่วงไม่น่าสัมผัส แถมโรคนี้ยังติดไปยังคนและสัตว์อื่นๆได้อีก![😱](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t2c/1/16/1f631.png)
![😱](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t2c/1/16/1f631.png)
![👉](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t51/1/16/1f449.png)
- ขอบใบหูสองข้าง
- ข้อศอก
- ข้อเท้า
- หน้าท้อง
สาเหตุเกิดจากอะไร![⁉️](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tec/1/16/2049.png)
![⁉️](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tec/1/16/2049.png)
เกิดจากสุนัขป่วยติดเชื้อปรสิตภายนอก เป็นตัวไรเล็กๆ อาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า สาเหตุของการเกิดโรคอาจเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็น โรคขี้เรื้อนแห้ง โดยตรง หรือ เกิดจากสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่นแปรงสำหรับแปรงขน
![✖️](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t53/1/16/2716.png)
เริ่มแรกจะมีอาการคันตัว คันที่ขอบใบหูทั้งสองข้างและคันที่ศอกด้านข้าง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นที่ผิวหนัง บริเวณที่เห็นชัดเจนมักเป็นที่ท้อง หรือบริเวณขาหนีบ และบั้นท้าย จากนั้นจะเริ่มมีอาการคันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งขนบนตัวสัตว์เริ่มร่วง ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเริ่มอักเสบเป็นสะเก็ดแผลที่หนาตัวขึ้น เมื่อแผลนั้นเริ่มแตกออกมากขึ้นเรื่อยๆ อาการขนร่วงจะค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วตัว
![📣](https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/tba/1/16/1f4e3.png)
มีอยู่หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นฉีดยาฆ่าไร , หยดยา , อาบน้ำด้วยแชมพูยา ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เป็น และอาการหนักมากน้อยแค่ไหน หากเป็นแล้วให้รีบพาไปคลินิกพบสัตวแพทย์เพื่อพูดคุยหาทางรักษาทันที
หมั่นใส่ใจสัตว์เลี้ยงของคุณและดูแลเวลาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน เพราะมีโอกาสติดเชื้อโรคได้สูง ถ้าหากสัตว์เป็นโรคนี้แล้วต้องใช้เวลาในการรักษา อีกทั้งเสี่ยงโรคแทรกซ้อนตามมาอีกด้วยค่ะ